ทริปสัมผัสประสบการณ์ฟาร์มสเตย์และวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

ศูนย์ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น คุโรบาเนะ ฟุรุซาโตะ เป็นบ้านเรือนราษฎร ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 170 กว่าปีที่แล้ว ที่ถูกรื้อถอนและย้ายนำไปสร้างใหม่ ประกอบด้วย “บ้านสำหรับอยู่อาศัย” หลังคามุงจาก และ “ร้านอาหาร” ที่ร้านอาหาร รายการเมนูยอดนิยม ได้แก่ ”โอโรชิโซบะ – โซบะแฮนด์เมด ยามิโซะ อาซากิริ” ซึ่งเป็นโซบะแบบแฮนด์เมด ที่ทำจากแป้งบัควีตที่ผลิตในท้องถิ่น ที่ศูนย์ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ติดกัน เราขายผักแสนอร่อยที่ปลูกโดยเกษตรกรในท้องถิ่น และซาลาเปา ”ยากาตะโนะมันจู” ที่ทำขึ้นด้วยความใส่ใจ และ ”กินโจ อิจิเน็งมิโซะ” ซึ่งเป็นมิโซะแบบแฮนด์เมดไร้สารปรุงแต่ง ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมว่า ถ้าทำซุปมิโซะในตอนเช้า คุณจะสามารถกินมันอร่อยได้จนถึงกลางคืนเลยครับ

วัดไดโอจิเป็นวัดเซนนิกายโซโดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี สิ่งปลูกสร้างทั้ง 7 ภายในอาณาเขตวัดได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของจังหวัดโตชิงิ หน้าอาคารฮอนโดภายในเขตวัดมีการปลูกต้นโบตั๋นกว่า 300 ต้น ซึ่งจะเบ่งบานอย่างงดงามในช่วงปลายเดือนเมษายน ช่วงที่บานสะพรั่งที่สุดเมื่อปีที่แล้วคือช่วงก่อนและหลังวันที่ 10 พฤษภาคม นอกจากนี้ ที่สองข้างทางเดินสู่วัดมีกลุ่มดอกไอริสขึ้นอยู่เป็นหย่อม มองดูราวกับน้ำที่กระเซ็นออกมาจากน้ำตกที่ไหลตกลงมา ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม
ที่วัดไดโอจิ ผู้ที่ต้องการนั่งสมาธิแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่มย่อย ผู้ที่ต้องการฝึกนั่งสมาธิเป็นครั้งแรก หรือผู้ที่มีความสนใจในพุทธศาสนา และวิถีแบบเซน ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเข้าร่วมได้ฟรีโดยไม่เกี่ยงสัญชาติ อายุ เพศ และศาสนา
ทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน ตั้งแต่เวลา 7.30น. เป็นต้นไป
กรณีที่ต้องการสมัครโปรดแจ้งชื่อ เบอร์โทรหรือที่อยู่สำหรับการติดต่อ วันที่ต้องการ และจำนวนคน

ที่อากริทัวริสโม in โอตาวาระ คุณจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขานิกโก้และนาสุ พร้อมสัมผัสการใช้ชีวิตในชนบทของญี่ปุ่นในสถานที่พักที่มีเอกลักษณ์ ที่พักฟาร์มเหล่านี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ของเกษตรกรท้องถิ่น โดยดัดแปลงบ้านโบราณหรือโกดังเก็บของเก่าให้กลายเป็นที่พักที่น่าประทับใจ คุณจะได้สัมผัสการใช้ชีวิตในชนบทอย่างแท้จริง พร้อมรับประทานอาหารที่ปรุงจากผลผลิตสดใหม่จากไร่สวนข้างเคียง รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น การพบปะพูดคุยกับผู้คนในท้องถิ่นจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้กลับมาสู่บ้านเกิดของตนเอง
นอกจากอาหารและกิจกรรมแล้ว ทิวทัศน์รอบๆ ยังสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน แม้สำหรับผู้ที่ต้องการพักระยะยาว โรงแรมเหล่านี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันเหมือนโรงแรมทั่วไป เช่น ห้องอาบน้ำและห้องครัว

■ฮานะโซโนะ

■ฟาร์มสเตย์ อิริ (ฮาจิโนะสุ)

■วะอิน WAIN

■โรงแรมโมคุเรน

■ยุย

ที่พักในโครงการ อากริทัวริส in โมในโอตาวาระ มีกิจกรรมหลากหลายสำหรับผู้เข้าพัก โดยแต่ละสถานที่จะจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับแต่ละฤดูกาล เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินและดื่มด่ำไปกับเสน่ห์เฉพาะตัวของสถานที่
คุณจะได้สัมผัสกิจกรรมการเกษตรที่ไม่เหมือนใคร เช่น การเก็บเกี่ยวและการปรุงอาหารจากผักสด การดำนา การทำผลิตภัณฑ์หมักดองอย่างมืออาชีพ หรือแม้แต่การปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์ของชนบท กิจกรรมเหล่านี้เปิดโอกาสให้คุณได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตของพื้นที่ในแบบที่ยากจะหาได้จากที่อื่น

หมายเหตุ: รายละเอียดของกิจกรรมแต่ละแห่งสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของที่พัก

คฤหาสน์อีซึกะ โรงแรมที่ถูกลงทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ เป็นที่พักคุณภาพสูงที่ได้รับการปรับปรุงจาก “คฤหาสน์อีซึกะ” ที่มีอายุกว่า 100 ปี ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคและตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เป็นโรงแรมที่ผสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับร้านอาหารและร้านค้าที่อยู่ในเมือง ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเข้าพักกับบรรยากาศแบบใหม่ที่ผสมผสานกลมกลืนเข้ากับวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง มีบ้านหลังหลักบ้านหลังใหม่หลายหลังและโกดังสองแห่ง ภายในบริเวณอันกว้างใหญ่ อาคารส่วนใหญ่ยังคงสภาพเหมือนเมื่อตอนที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรก มีเตียงนุ่มสบาย โซฟา ห้องครัวทันสมัย ​​และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อการเข้าพักที่สะดวกสบาย แต่ความเก่าและใหม่อยู่ร่วมกันทำให้คุณสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิตในสมัยนั้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับแต่งการเข้าพักของคุณด้วยการเพลิดเพลินกับอาหารที่รวบรวมจากร้านอาหารในพื้นที่ หรือเยี่ยมชมครอบครัวเกษตรกรพื้นบ้านเพื่อลองชิมอาหารของครอบครัวเกษตรกร และคุณยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ เช่น ตกปลาอะยุ การทำเครื่องปั้นดินเผา และปั่นจักรยานได้อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงและจัดเก็บภาพของศิลปินผู้วาดภาพอุกิโยะ ภาพพิมพ์ของอุตะกาวะ　ฮิโระชิเกะ　ซึ่งสามารถชมความงามของวัฒนธรรมของญี่ปุ่นช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ได้ ซึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะทั้งหมดนั้นมีการใช้ต้นสนท้องถิ่นและกระดาษญี่ปุ่นนำมาสร้างภายใต้แนวคิด “ภาพลักษณ์ภายนอกที่แลดูสงบจากศิลปะประเพณีดั้งเดิมที่แสดงถึงศิลปะและประเพณีของฮิโรชิเกะ”
ผู้ที่ศึกษาการออกแบบมักจะนิยมเข้ามาเยี่ยมชมที่นี่ ซึ่งผู้ออกแบบคือเคนโกะ คุมะสถาปนิกที่มีผลงานชื่อเสียงระดับโลก

 โรงเหล้าสาเกเก่าแก่ต้นตำรับที่ตั้งกิจการเมื่อปีคะเอที่ 2 (ค.ศ. 1849) สามารถขอทัศนศึกษาโรงเหล้าและชมกระบวนการผลิตเหล้าสาเกได้ตามความประสงค์ ภายในร้านจำหน่าย สาเกญี่ปุ่นที่ร้านภูมิใจนำเสนอ เหล้าลิเคียว (รสยุซึ， สตรอเบอรี่， บ๊วย) ไอศกรีมเหล้ากินโจ ฯลฯ !
นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคมของทุกปีจะมีการจัดงาน “เทศกาลโรงเหล้า” ซึ่งนอกจากจะมีการจับสลาก เกมส์ตอบคำถาม เกมส์ชิมแล้วทาย และการชิมสาเกแล้วก็ยังมีการจำหน่ายสาเกที่จะขายเฉพาะในงานเทศกาลโรงเหล้าอีกด้วย

โคลเวอร์สเต็กเฮาส์ เป็นร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี ตั้งอยู่บนเนินเขาพร้อมมนต์เสน่ห์ของทัศนียภาพที่สวยงาม ในปี 1990 เรา 4 คนเริ่มต้นด้วยแนวคิดที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข ด้วยเทคนิคแบบฝรั่งเศส เราใช้แนวคิดและวัตถุดิบที่มีความเป็นอิสระ เพื่อส่งมอบอาหารที่มีความอร่อยอย่างแท้จริงด้วยหัวใจ เราจะจัดการแข่งขันเมนูอาหารกลางวันประจำเดือนในทุกๆเดือน และเลือกผลงานสร้างสรรค์ของพนักงานที่ชนะเลิศ

ทิ่พิพิธภัณฑ์เครื่องเซรามิกมาชิโกะ นอกจากการนำผลงานของศิลปินแห่งชาติ โชจิ ฮามาดะ ผู้ล่วงลับและผลงานของช่างปั้นที่มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับเมืองมาชิโกะมาจัดแสดงประจำแล้ว ที่นี่ยังมีแผนการเปิดการแสดงงานหลายครั้งในทุกปีอีกด้วย พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานของซาไซจิมาคิเฮ เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการเรียนรู้ในการสร้างสรรค์ผลงานและพัฒนาทักษะ มีการจัดแสดงผลงานของศิลปินที่เป็นตัวแทนจากทั่วโลกและศิลปินรุ่นใหม่ที่พิพิธภัณฑ์แลกเปลี่ยนผลงานนานาชาติมาชิโกะ และแสดงผลงานของซาไซจิมาคิเฮนักแกะสลักไม้ผู้ที่รับการฝึกฝนจากมุนากาตะชิโก ภายในอาณาบริเวณของพิพิธภัณฑ์ก็ยังมีการย้าย “อดีตคฤหาสน์ของฮะมะดะ โชจิ” มาปลูกสร้างไว้ และที่ด้านหน้ายังมีการบูรณะเตาเผาแบบปีนที่ฮะมะดะ โชจินิยมใช้ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีร้านค้าของทางพิพิธภัณฑ์ที่จำหน่ายเครื่องปั้นดินเผามาชิโกะและสินค้าทั่วไป และมีร้านกาแฟที่เสริฟกาแฟคั่วใหม่พร้อมกับถ้วยกาแฟดินเผาที่ชึ่นชอบ

ฮิเกะตะ ไอโซเมะ โคโบก่อตั้งขึ้นในสมัยคันเซอิแห่งสมัยเอโดะ(ค.ศ. 1789-1801) และเป็นเวิร์คช็อปการย้อมและทอผ้าที่สืบทอดการย้อมสีครามแบบดั้งเดิม ซึ่งหาได้ยากแม้แต่ในจังหวัดโทชิงิ ปัจจุบันยังคงใช้สถานที่ในย้อมแบบเดิมๆ และยังคงย้อมสีครามด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมอยู่ ภายในอาคารมุงจากซึ่งมีอายุมากกว่า 200 ปี มีหม้อสีคราม 72 ใบตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ทั้งอาคารและเครื่องปั้นดินเผาถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของจังหวัดโทชิงิ และสามารถเยี่ยมชมได้อย่างอิสระ สีครามเป็นสีย้อมที่ทำจากพืชที่นิยมใช้ย้อมเครื่องแต่งกายให้กับชุดประจำชาติต่างๆ ให้มีสีสันหลากหลายตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานในญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นในสมัยก่อน เสื้อผ้าของคนทั่วไป 80% ถูกย้อมด้วยสีคราม สีครามที่ย้อมโดยใช้วิธีย้อมสีครามจากพืชผักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเรียกว่า “แจแปน บลู” ซึ่งสีและวิธีการย้อมเหล่านั้น ได้รับการยกย่องและได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก และยังมีเวิร์คช็อป ที่สนับสนุนและผลักดันการปลูกฝ้ายที่บ้าน การผลิตเส้นด้าย การย้อมเส้นด้าย และการทอผ้าด้วยมือ เพื่อรักษาประเพณีฝ้ายที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับวัฒนธรรมการย้อมสีครามอีกด้วย นอกจากนี้เรายังจำหน่ายผ้าฝ้ายย้อมสีคราม ที่รองแก้ว ผ้าปูโต๊ะ และอื่นๆ อีกมากมาย และขอเชิญชวนให้มาเข้าชมเทคนิคดั้งเดิมและความสวยงามของสีครามให้ได้นะครับ

ไดเซกามะก่อตั้งขึ้นในปี 1861 และเป็นตัวแทนของเตาเผาของเมืองมาชิโกะซึ่งเป็นเมืองเครื่องปั้นดินเผา ภายในร้านซึ่งเป็นบ้านพื้นเมืองเก่าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีเครื่องปั้นดินเผาหลากหลายประเภทวางอยู่เรียงราย ตั้งแต่แบบมาตรฐานไปจนถึงแบบที่เน้นพื้นฐาน แต่เพิ่มกลิ่นอายของการออกแบบและดินเหนียวเพื่อเพิ่มเสน่ห์ลงไป เราใช้เตาเผแบบขั้นบันไดมาหลายชั่วอายุคนนับตั้งแต่ก่อตั้ง และแม้ว่ามาชิโกะจะมีเตาเผาจำนวนมาก แต่เราก็ยังใช้เตาเผาเตาเผแบบขั้นบันไดที่ใหญ่ที่สุดในมาชิโกะอยู่ ในส่วนของเชื้อเพลิงนั้น เราจะใช้ไม้สนแดงเป็นเชื้อเพลิง และใช้สารเคลือบเงาแบบดั้งเดิมของมาชิโกะ เช่น จะใช้สารเคลือบเงาสีช็อคโกแลตเป็นหลัก และยังมีสารเคลือบเงาสีขาวรำข้าว สารเคลือบเงาสีดำ สารเคลือบเงาลูกกวาด และสารเคลือบเงาสีน้ำตาลอ่อนรำข้าวอีกด้วย ปัจจุบัน คุณคุนิโนริ โอสึกะ รุ่นที่ 6 และคุณเซอิจิ โอสึกะ รุ่นที่ 7 กำลังทำงานร่วมกับช่างฝีมือเพื่อผลิตเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมที่มีความแข็งแกร่งและความอบอุ่นซ่อนอยู่ในความเรียบง่ายตามแบบฉบับการเผาของมาชิโกะ คุณสามารถเยี่ยมชมเตาเผาโนโบริกามะได้ และยังมีแกลเลอรีในอาคารที่แยกออกไปอีกด้วย

มีคาเฟ่มากมายในเมืองมาชิโกะที่เสิร์ฟอาหารในภาชนะเครื่องปั้นดินเผา ทั้งคาเฟ่ที่อยู่ในถนนหลักและคาเฟ่ที่ตั้งกระจายห่างจากถนนหลักพร้อมให้ท่านได้เดินสำรวจเต็มที่

โรงแรมมาชิโกะกัง ซาโตยามะ รีสอร์ท โฮเต็ล เป็น ” ที่พักแบบมีออนเซ็นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน” ซึ่งตั้งอยู่กลางป่า เมื่อคุณเปิดหน้าต่างห้องของคุณ สายลมสดชื่นและเสียงของป่าก็จะเข้ามาในห้องของคุณทันที เมื่อคุณปิดไฟและมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงจันทร์และดวงดาวดวงใหญ่เต็มท้องฟ้าจะส่องสว่างไปทั่วห้องอย่างอ่อนโยน อาหารต่างๆ ได้รับการจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันโดยใช้ส่วนผสมที่ปลูกด้วยความเอาใจใส่จากผู้ผลิต เพื่อดึงรสชาติตามธรรมชาติของส่วนผสมออกมา เราจัดเตรียมและส่งมอบอาหารด้วยความใส่ใจทั้งหมดเพื่อให้ลูกค้าของเราได้สัมผัสกับรสชาติตามฤดูกาลของซาโตยามะ การอาบน้ำโอฟุโระเป็นการอาบน้ำเพื่อให้ผิวสวยที่ซาโตยามะภาคภูมิใจ เพลิดเพลินกับช่วงเวลาผ่อนคลายพร้อมสัมผัสธรรมชาติของซาโตยามะในอ่างอาบน้ำในร่มที่กว้างขวางและอ่างอาบน้ำกลางแจ้งพร้อมชมน้ำตก นอกจากนี้ยังมีบริการอาบน้ำแบบไปเช้าเย็นกลับด้วย ขอเชิญชวนให้ทุกท่านใช้พื้นที่ซาโตยามะเป็นสถานที่ในการเที่ยวเล่นและใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่กันนะครับ

“จุดพักรถมะชิโกะ” ประกอบด้วย “มะชิโกะมาร์เช่” ที่เป็นแหล่งจำหน่ายผลิตผลต่างๆ เช่น หัตถกรรม ผลิตภัณฑ์แปรรูปและผลผลิตทางการเกษตรสดใหม่ที่เติบโตบนผืนดินของเมืองมะชิโกะ “มะชิโกะโนะโกะฮัน” ที่เป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารชุดซึ่งให้ทานได้ทานผักสดอร่อยของวันนั้นๆ “คอนเซียส” ซึ่งให้คำปรึกษาตั้งแต่การแนะนำการท่องเที่ยวไปจนถึงการย้ายมาอาศัยในเมืองมะชิโกะ นอกจากนี้ก็ยังมีทั้งการจัดแสดงแผนงานต่างๆ เวิร์คช็อป พื้นที่เปิดให้เช่าอีกด้วย โปรดตรวจเช็คได้จากเว็บไซต์ที่จะมีการอัพเดทข้อมูลข่าวสารเป็นระยะๆ

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยนารา ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือเอนกิชิคิ และยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นสถานที่ขึ้นชื่อของภูมิภาคคันโตสำหรับการมาสักการะในวันขึ้นปีใหม่ อาคารศาลเจ้าหลักได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัด ถือเป็นผลงานชิ้นเอกซึ่งสร้างขึ้นโดยช่างไม้ เซซาเอมอน ซากุราอิ และประติมากร เอนเทตสึ ชิมามูระ ในสมัยเกนโรคุ