ฟื้นฟูระบบประสาทอัตโนมัติและสัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มอิ่ม (3 คืน 4 วัน)

คามายะ -คาเฟ่ ดู เรเวอร์แบร์- เป็นร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ที่ได้รับความนิยมจากอาหารที่ทำจากเนื้อวากิวเซนนิกโกกับหมูนิกโก้ รวมถึงขนมหวานโฮมเมดที่ทำจากสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกในนิกโก้ อีกทั้งยังมีอาหารสำหรับลูกค้าที่ทานวีแกนและอาหารฮาลาลอีกด้วย ร้านเคยเป็นธนาคารเก่าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีลักษณะคล้ายระเบียงร้านกาแฟย้อนยุคที่มีไฟถนน ตั้งอยู่ในทำเลที่แสนสะดวกซึ่งใช้เวลาเดินเพียง 1 นาทีจากสถานีโทบุนิกโกที่ถือเป็นประตูหน้าด่านสู่ย่านนิกโก ร้านมีความพิถีพิถันกับวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารโดยเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นหลัก และยังสามารถลิ้มลองอาหารที่ทำจากฟองเต้าหู้ได้อีกด้วย รายการเมนูส่วนใหญ่ไม่มีกลูเตน เมนูแนะนำคือ “นิกโกด้ง” ที่โปะหน้าอย่างจุใจด้วยโรสบีฟซึ่งทำจากเนื้อวากิวเซนนิกโกในท้องถิ่น และ “ชุดแฮมเบิร์ก เดอะ นิกโก ที่ใช้เนื้อวากิวเซนนิกโกและหมูนิกโก” ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมและมีจำนวนจำกัด

ในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 19 นั้นองค์มกุฎราชกุมารได้ทรงสร้างคฤหาสน์และสวนสำหรับพักผ่อนตามพระราชอัธยาศัยและเปิดเป็นสวนสาธารณะให้คนทั่วไปเข้าชมในปี 2543 โดยตัวอาคารเป็นการผสมผสานกันของสถาปัตยกรรมหลายสมัยควรค่าแก่การเข้าชม อยู่บริเวณใกล้เคียงกับ "ศาลเจ้าและวัดของนิกโก" ทำให้มาเที่ยวชมได้ง่าย โดยสามารถชื่นชมทัศนียภาพของสวนได้ตลอดสี่ฤดูกาลที่มีเสน่ห์ในการใช้ของประดับตกแต่งที่มีอายุถึง 100 ปี ชุดน้ำชาและขนมญี่ปุ่นที่สามารถรับประทานได้ที่สวนก็ได้รับความนิยมมาก และมีบริการเสียงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย

“ศาลเจ้านิกโกโทโชงู”เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้แก่โชกุนโทคุงะวะอิเอะยะสุ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน “ศาลเจ้าและวัดของนิกโก” ที่เป็นตัวแทนมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มตัวอาคารของศาลเจ้าในปัจจุบันได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17 โดยภายในมีอาคารเรียงรายที่ถือเป็นสมบัติของชาติถึง 8 หลัง สิ่งก่อสร้าง 55 หลังที่รวมเอาสมบัติอันมีค่าทางวัฒนธรรมที่สำคัญไว้ถึง 34 หลัง โดยรวบรวมเอาช่างฝีมือที่มาจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ มารังสรรค์สร้างประติมากรรมงานลงรักชิ้นเอกที่มีสีสันสดใสและสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพแกะสลักที่ต้องดูให้ได้อย่าง “แมวนอนหลับ” ที่สื่อถึงการอธิษฐานขอให้โลกสงบสุข และภาพ “ลิงสามตัว” ที่สือถึงการไม่ดู ไม่พูดและไม่ฟัง

เป็นสถานที่สวดมนต์โกมะชั้นนำของเมืองนิกโก เป็นหอสวดมนต์ที่สร้างขยายเพิ่มขึ้นในปี 1998เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่มาสักการะจำนวนมาก ในพิธีกรรมทางศาสนาอันลึกลับนี้ความปรารถนาของทุกคนจะถูกส่งไปยังพระพุทธเจ้าผ่านไฟศักดิ์สิทธิ์

การสวดมนต์โกมะจัดขึ้นทุกวัน ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ มีประโยชน์ในทางโลก เช่นความปลอดภัยของครอบครัว สุขภาพร่างกาย และความเจริญรุ่งเรืองทางธุรกิจ

ภายในศาลเจ้าชั้นในของห้องโถงไดโกมาโดะ มีรูปปั้นหลักของวิทยาราช 5 องค์พระพุทธรูปและบรรพบุรุษ 30 องค์เทพเจ้าแห่งความโชคดีทั้งเจ็ดและสวรรค์ทั้งสิบสองประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้บนเพดานยังมีภาพวาดมังกรบินผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งใช้เวลาสองปีครึ่งจึงจะเสร็จสมบูรณ์

ทำไมคุณไม่ลองเข้าร่วมในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้และขอพรเพื่อเป็นความทรงจำในการเดินทางของคุณละ

“mekke” เป็นศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวนิกโกที่ตั้งอยู่บนถนนนิกโกอยู่ระหว่างสถานีTobu Nikko/สถานี JR Nikko และมรดกโลก “ศาลเจ้าและวัดในนิกโก” ณ ที่แห่งนี้ท่านสามารถสัมผัสประสบการณ์งานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ภาคภูมิใจของชาวนิกโก “งานแกะสลักนิกโก” สามารถเข้าร่วมได้อย่างง่ายๆตั้งแต่ 1 ท่าน เป็นต้นไป เลือกแบบที่ท่านชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นลวดลายแบบดั้งเดิมหรือลวดลายของลิง แมว มังกร ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับศาลเจ้าและวัดในนิกโก จากนั้นก็เริ่มแกะสลักด้วยเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า”ฮิคคากิ” ผลงานที่ได้มาจะกลายเป็นของที่ระลึกของการเดินทางของท่าน
นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สามารถแวะมาเยี่ยมชมและรับแผ่นพับการท่องเที่ยวต่าง ๆ　มีบริการรถจักรยานไฟฟ้าให้เช่า ซึ่งทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของนักท่องเที่ยว

ก้อนหินที่ถูกกัดเซาะจากการไหลของแม่น้ำคินุคาวะ ก่อให้เกิดทิวทัศน์อันงดงามที่มีรูปร่างเหมือนมังกรกำลังล้มลง ซึ่งทัศนียภาพอันสวยงามนี้อยู่ระหว่างน้ำพุร้อนคาวะจิและน้ำพุร้อนคินุคาวะประมาณ 3 กม. โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนใบไม้แดงจะมีสีสันงดงามโดยจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเข้ามาเยี่ยมชม โดยมีเส้นทางเดินป่าที่อยู่ห่างจากน้ำพุร้อนคาวะจิประมาณ 7 กม. เป็นเส้นทางเดินป่าที่น่าสนใจ

เอโดะคือชื่อเรียกของโตเกียวจนถึงในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 พื้นที่อันกว้างใหญ่ที่มีการนำเอา ถนน ที่พัก ย่านการค้า หมู่บ้านนินจาและบ้านของซามุไรที่คงความดั้งเดิมไว้กลับมาสร้างใหม่ โดยผ่านการสัมผัสประสบการณ์การแลกเปลี่ยนและกิจกรรมของชาวเอโดะ ทำให้รู้สึกได้ถึงการอยู่ที่เอโดะจริงๆ นอกจากนี้ยังสามารถที่จะผลัดปลี่ยนเสื้อผ้าให้กลายเป็นชาวเอโดะได้ด้วย มีโรงละครที่สามารถรับชมการแสดงได้ถึง 7 แห่ง ห้องโถงนิทรรศการการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โรงอาหารที่สามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติของเอโดะ ซึ่งถือเป็นสวนวัฒนธรรมที่คุณจะได้สัมผัสชีวิตจริงและวัฒนธรรมของยุคสมัยเอโดะ

ฟาร์มวาคายามะ เป็นฟาร์มของครอบครัวเกษตรกรที่ปลูกเกาลัด หน่อไม้ และต้นกล้าไผ่มาเป็นเวลา 3 รุ่นแล้ว ป่าไผ่อันงดงามที่แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ 24 เฮคเตอร์นี้ยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาอีกด้วย ผู้เยี่ยมชมฟาร์มไม่เพียงแต่สามารถเดินผ่านป่าไผ่เท่านั้น แต่ยังสนุกกับการเก็บหน่อไม้และงานฝีมือจากไม้ไผ่อื่นๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ คุณสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์พิเศษในป่าไผ่ เช่น การดื่มมัทฉะในภาชนะไม้ไผ่ และการชมป่าไผ่ที่ประดับไฟแสงสี และที่คาเฟ่ เรายังเสิร์ฟอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่ปลูกโดยเกษตรกรในบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนเครื่องดื่มที่เหมาะกับการเดินเล่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศและการใช้ประโยชน์จากไม้ไผ่ และห้องแสดงภาพและงานศิลปะต่างๆ ที่คุณสามารถชื่นชมงานฝีมือจากไม้ไผ่ของญี่ปุ่นได้ และยังมีร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น หน่อไม้ เกาลัด และบลูเบอร์รี่ ฯลฯ รวมถึง “โอะคุริ” ขนมเกาลัดที่ทำโดยการนวดเกาลัดที่ปลูกมาอย่างทะนุถนอมอย่างใส่ใจ นอกจาก “หน่อไม้ต้มไร้สารเติมแต่ง” ซึ่งเป็นหน่อไม้บรรจุขวดที่เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ผลิแล้ว เรายังจำหน่ายผลิตภัณฑ์หน่อไม้ต้นตำรับอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นความเป็นมาของการทำเหมืองแร่ของ “หินโอยะ” ซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองที่มีเฉพาะที่เมืองอุทซึโนะมิยะ โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการการขุด ด้วยวิธีที่ใช้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17  เครื่องมือการขนส่งและการเปลี่ยนแปลงวัสดุวิธีการทำเหมืองแร่เป็นต้น โดยเหมืองแร่ใต้ดินนั้นมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากถึง 20000 ตรม. โดยสามารถบรรจุสนามเบสบอลได้ 1 สนาม ซึ่งให้บรรยากาศที่ยอดเยี่ยมที่ชวนให้นึกถึงซากปรักหักพังของโรมันโบราณ โดยมักถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่นการถ่าย PV ของนักร้องดัง สถานที่ถ่ายทำหนัง คอนเสิร์ต การแสดงเวที ละครโน งานเลี้ยงของบริษัทและสถานที่จัดงานแต่งงานเป็นต้น

“เกี๊ยวซ่าอุทซึโนะมิยะ” ได้หยั่งรากเป็นวัฒนธรรมระดับภูมิภาคของอุทซึโนะมิยะ ซึ่งภายในเมืองมีร้านอาหารที่เป็นที่นิยมที่คนต่อแถวเป็นจำนวนมากเรียงกันอยู่หลายร้าน โดยมีจำนวนร้านค้ากว่า 300 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นเกี๊ยวซ่า เกี๊ยวต้มหรือเกี๊ยวทอด ฯลฯ แต่ละร้านก็มีการใช้เทคนิคต่างๆ มาแข่งขันกันเพื่อสร้างเกี๊ยวซ่าที่ภาคกูมิใจของตัวเอง ซึ่งยังสามารถทดลองทำเกี๊ยวซ่าจากผู้สอนที่มีประสบการณ์ได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นที่นิยมนำไปเป็นของฝาก